สรุปผลการสัมมนา
เรื่อง “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย”
และงานนิทรรศการ “โลกนิทาน”
จัดโดย
นายกำพล พกนนท์ นางสาวกุลธิดา สุธีวร นางสาวดลดา ชีวะธรรมมานนท์
นายกิตติวัฒน์ พัฒนสาร นายปฏิภาณ ผัสสะผล
ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2554
ณ สถาบันวิจัยวัฒนธรรมและศิลปะ อาคารนวัตกรรมวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยบูรพา
ในเวลา 09.30 นาฬิกา ได้มีการการเปิดการสัมมนา พร้อมวัตถุประสงค์ในการจัดงาน โดยพิธีกรในการสัมมนา และประธานกล่าวเปิดงาน มีข้อความโดยสรุป ดังต่อไปนี้
คณะผู้จัดสัมมนา มีโครงการสัมมนา เรื่อง “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้มีความตระหนักถึงประโยชน์ของการเล่านิทาน
เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับนิทาน เพื่อปรับทัศนคติให้ผู้ใช้เทคโนโลยีไร้สายนำมาใช้ให้เกิดต่อนิทาน และเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาของนิทานท่ามท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สายต่อไปในอนาคต
การสัมมนาครั้งนี้ใช้เวลา 3 ชั่วโมง มีผู้ร่วมสัมมนา จำนวน 58 คน ประกอบด้วย นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาสารสนเทศศึกษา และนิสิตภาควิชาสารสนเทศ สาขาวิชาบรรณาธิการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
รองศาสตราจารย์ไพพรรณ อินทนิล ประธาน ได้กระทำพิธีเปิดการสัมมนา โครงการ “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย”
ผลจากการสัมมนา
การสัมมนาเรื่อง “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย”
และงานนิทรรศการ “โลกนิทาน” มีผู้ร่วมสัมมนา จำนวน 58 คน ประกอบด้วย นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาสารสนเทศศึกษา และนิสิตภาควิชาสารสนเทศ สาขาวิชาบรรณาธิการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้มีความตระหนักถึงประโยชน์ของการเล่านิทานเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับนิทาน เพื่อปรับทัศนคติให้ผู้ใช้เทคโนโลยีไร้สายนำมาใช้ให้เกิดต่อนิทาน และเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาของนิทานท่ามท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สายต่อไปในอนาคต
ประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับ
ความรู้และประโยชน์ของนิทาน โดย คณะผู้จัดงานสัมมนา
1. ความหมายของนิทาน
2. จุดกำเนิดและวิวัฒนาการของนิทาน
3. บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนิทาน
4. ประเภทของนิทาน และการแบ่งประเภทของนิทาน
5. นิทานพื้นบ้าน
6. เจ้าหญิงดิสนี่ย์ และบริบทคนชายขอบในสังคมอเมริกา
อภิปรายเรื่อง “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย” โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ คุณมกุฏ อรฤดี บรรณาธิการสำนักพิมพ์ผีเสื้อ และอาจารย์พิเศษ สาขาวิชบรรณาธิการ
1.อาจารย์คิดเห็นอย่างไรกับคำสัมภาษณ์ของผู้ช่วยรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ว่านิทานอีสปเป็นเรื่องโบราณ สมควรเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัย
– เป็น ความคิดที่ผิด นิทานอีสปถือเป็นนิทานอมตะ แต่โดยผุ้เป็นทาส ยกตัวอย่างเรื่องราชสีห์กับหนู ที่แต่งขึ้นเพื่อเตือนสติผู้มีอำนาจอย่างแยบคาย
2. การที่เยาวชนรุ่นใหม่ไม่รู้จักนิทานไทย จะส่งผลในด้านใดบ้าง ความเป็นอัตลักษณ์
– ถือ เป็นเรื่องอันตรายมาก ที่เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักเรื่องราวที่เป็นรากเหง้าของชนชาติตัวเอง ในขณะที่สื่อต่างประเทศได้ประดังเข้าสู่เด็กบ้านเรา นานวันเข้า เราจะกลายเป็นเมืองขึ้นทางวัฒนธรรมโดยที่ เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา ไม่เสียกระสุนสักลูกทำสงคราม
3. เมืองนอกของเมืองไทยมีกระบวนการรักษานิทานวรรณกรรมพื้นบ้านอย่างไร
– เมือง ไทยเราภาครัฐไม่เคยส่งเสริมเรื่องพวกนี้จริงจัง ทำให้นิทานไทยกำลังเลือนหายไป หากแต่มีนักวิชาการไทยที่ศึกษาทางด้านนี้ หนีไปทำงานที่ประเทศลาว เพราะเขาส่งเสริมสนับสนุนดีมากในขณะที่ ชาติเจริญแล้ว เขาก็รู้จักหนังสือมาเป็นพันปีแล้ว มีมหาวิทยาลัยมา 800 กว่าปีแล้ว การรวบรวมรักษาวรรณกรรมพื้นบ้านของเขาจึงมีมานานแล้ว
4. การดูภาพยนตร์นิทานกับการอ่านหนังสือนิทาน มีความต่างกันอย่างไรในแง่จินตนาการ
– ยก ตัวอย่างง่ายๆ ให้เด็กดูสโนไวท์ ของดิสนีย์ แล้วให้เด็กวาดรูปสโนไวท์ เด็กร้อยคนก็จะวาดเหมือนดิสนีย์ แต่หากให้เด็กอ่านหนังสือ เขาจะวาดสโนไวท์ออกมาเป็นร้อยแบบไม่ซ้ำกัน เพราะการดูหนังไม่ส่งเสริมจินตนาการเท่าการอ่านหนังสือ
การสัมมนาช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความเข้าใจในสาระสำคัญของนิทาน ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมระดมความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและมองเห็นถึงปัญหา การประยุกต์นำความรู้ที่ได้จากการสัมมนาไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
การประเมินผล
การประเมินผลโดยสรุปของผู้ร่วมสัมมนา จำนวน 58 คน ประกอบด้วย นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาสารสนเทศศึกษา และนิสิตภาควิชาสารสนเทศ สาขาวิชาบรรณาธิการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มีดังนี้
ความน่าสนใจของงานสัมมนา
– มีการเล่าตัวอย่างนิทานประกอบ ทำให้น่าสนใจ
– มีวิทยากรที่มีความรู้ และทรงคุณวุฒิ
– นิทรรศการมีสีสัน ดึงดูดความสนใจ
– ให้ความรู้เรื่องนิทานได้ครอบคลุมทั้งนิทานสมัยเก่า สมัยใหม่ และนิทานที่นำมาทำเป็นภาพยนตร์
– มีการโต้ตอบ ซักถาม แนวคิดระหว่างผู้จัดสัมมนากับวิทยากร
– บางหัวข้อพูดนานเกินไป และแทรกสื่อน้อย
การนำเสนอ
– ผู้จัดสัมมนามีการพูดติดขัดเล็กน้อย พูดเร็วไป เบาไป ในบางครั้ง
– มีการยกตัวอย่างประกอบ ทำให้เข้าใจง่าย และน่าติดตาม
– มีการเรียงลำดับเนื้อหาการนำเสนอได้เป็นขั้นตอน
– การนำเสนอในบางหัวข้อเน้นนานมากจนเกินไป และนอกประเด็น
– นำเสนอในส่วนของนิทานไทย น้อยกว่านิทานสากล
– รูปภาพประกอบสื่อที่นำเสนอมีน้อย
– เริ่มการนำเสนอช้า และใช้เวลานาน
ความสวยงามของสถานที่จัด
– มีการนำสื่อต่างๆ ในหลายรูปแบบมานำเสนอในส่วนของนิทรรศการ เช่น หนังสือ VCD-DVD ตุ๊กตา จิ๊กซอ หุ่นชัก
– มีมุมความรู้ต่างๆเกี่ยวกับนิทานมากมาย เช่น โลกของนิทาน นิทานกับศิลปะ สื่อจากนิทาน
– นิทรรศการมีสีสันสวยงาม จัดแบ่งโซนต่างๆได้เป็นระเบียบ
ความถูกต้องของข้อมูลเนื้อหา
– มีการจัดเรียงลำดับเนื้อหาดี ไม่กระโดดและข้ามไปมา
– มีเนื้อหาที่ละเอียด พร้อมทั้งมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล
– เนื้อหาในบางเรื่องไม่ค่อยน่าสนใจ ควรเลือกเรื่องอื่น
– เนื้อหาบางหัวข้อมีน้อย ฟังแล้วยังไม่เข้าใจ ควรเพิ่มเนื้อหาเข้าไปอีก
– คำศัพท์บางคำควรขยายความหรืออธิบายให้เข้าใจ
ความหลากหลายของสื่อ
– มีสื่อที่หลากหลาย น่าสนใจ
– ตอนนำเสนอมีเพียงวีดีทัศน์ที่นำมาเปิด ควรจะนำหนังสือ หรือหุ่นมือ มาเสนอด้วย
ข้อเสนอแนะ
– powerpoint ที่นำเสนอใช้ขนาดอักษรเล็กเกินไป และภาพประกอบน้อย
– ผู้จัดสัมมนาควรมีส่วนร่วมในการนำเสนอทุกคน
– ควรแบ่งเวลาให้ดีกว่านี้
– ใบประเมิน เป็นแบบเขียนทำให้ไม่ค่อยอยากประเมิน
– นิทานมีความสำคัญไม่ใช้เฉพาะกับวัยเด็ก แต่วัยผู้ใหญ่ก็สำคัญเช่นกัน
การดำเนินโครงการสัมมนา
นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชาสารสนเทศศึกษา และนิสิตภาควิชาสารสนเทศ สาขาวิชาบรรณาธิการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้เข้าร่วมสัมมนายังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวนิทานกับบทบาทของนิทาน หรือทราบแต่เพียงผิวเผิน ในการประยุกต์ใช้นิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย
ดังนั้น หลังจากการสัมมนาแล้ว ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย ประเมินสถานการณ์ ตลอดจนกำหนด วิสัยทัศน์ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมพัฒนาและการแก้ปัญหา ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย
สรุปผลการสัมมนา เรื่อง “การวิเคราะห์ความอยู่รอดของนิทานท่ามกลางยุคเทคโนโลยีไร้สาย” งานสัมมนาครั้งนี้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้ในเรื่องของนิทานจากมุมมองต่างๆ ที่ได้จากการรับชมรับฟัง ซักถาม โต้ตอบ ของผู้จัดสัมมนาและวิทยากร และจากการชมนิทรรศการ “โลกนิทาน” จากความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสัมมนา ทำให้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของนิทานไม่ใช้แต่เฉพาะวัยเด็กเท่านั้น แต่กับวัยผู้ใหญ่ก็สำคัญเช่นกัน นิทานช่วยส่งเสริมความคิดและจินตนาการ พร้อมทั้งมีการแทรกคติสอนใจไว้อย่างแยบคายโดยไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังถูกสอนอยู่ นิทานยังคงเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจของคนในทุกยุคทุกสมัย